Tuesday, January 5, 2016

การติดตั้ง Laravel 4 บน Ubuntu 14

การติดตั้ง Laravel บน Ubuntu 14

มีขั้นตอนดังนี้
  1. เปิด Terminal ขึ้นมา (สามารถค้นหาได้จาก Search your computer and online sources) ดังภาพ
     
  2.    เมื่อเปิด Terminal ขึ้นมาแล้ว ให้พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get update ลงไปและกด Enter ดังภาพ

  3.  เมื่อเสร็จสิ้นการทำงานในคำสั่งของคำสั่ง sudo apt-get upgrade แล้วให้พิมพ์คำสั่ง sudo
    apt-get upgrad ลงไปและกด Enter หลังจากนั้นจะมีข้อความขึ้นมาแสดงว่า  Do you want to continue? [Y/n] ให้พิมพ์ y ลงไปแล้วกด enter  ดังภาพ  
  4.  หลังจากเสร็จสิ้นคำสั่ง sudo apt-get upgrade แล้วให้พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install python-software-properties ลงไปแล้วกด Enter
  5. ต่อมาให้พิมพ์คำสั่ง sudo add-apt-repository ppa:ondrej/php5-oldstable ลงไปและกด Enter หลังจากนั้นจะมีข้อความคิดมาว่า Press [Enter] to continue or ctrl-c to cancel adding it ให้กด Enter ดังภาพ
  6. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get update ลงไปอีกครั้ง
  7. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-cache policy php5
  8. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install apache2 หลังจากนั้นจะมีข้อความแสดงขึ้นมาว่า Do you want to continue? [Y/n] ให้พิมพ์ y ลงไปแล้วกด enter
  9. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install php5 ลงไปและจะมีข้อความแสดงขึ้นมาเช่นกัน Do you want to continue? [Y/n] ให้พิมพ์ y ลงไปแล้วกด enter
  10. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install mysql-server และกด Enter หลังจากนั้นจะมีข้อความขึ้นมาว่า Do you want to continue? [Y/n] ให้พิมพ์ y ลงไปแล้วกด enter และหลังจากกด Enter แล้วจะแสดงหน้าจอดังภาพเพื่อใส่รหัสผ่าน

    และเมื่อใส่รหัสผ่านแล้ว ให้กด Ok หลังจากกด Ok แล้วจะแสดงหน้าจอดังภาพขึ้นมาเพื่อยืนยันรหัสผ่านอีกครั้ง
  11.  เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนที่ 10 ให้พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install php5-mysql ลงไปและกด Enter
  12. พิมพ์คำสั่ง php -v และกด Enter
  13. พิมพ์คำสั่ง apache -v และกด Enter
  14. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install unzip และกด Enter
  15. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install curl และกด Enter
  16. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install openssl  และกด Enter
  17. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install php5-mcrypt และกด Enter หลังจากนั้นจะมีข้อความขึ้นมาว่า Do you want to continue? [Y/n] ให้พิมพ์ y ลงไปแล้วกด enter
  18. พิมพ์คำสั่ง curl -sS https://getcomposer.org/installer | php และกด Enter
  19. พิมพ์คำสั่ง sudo mv composer.phar /usr/local/bin/composer และกด Enter
  20. พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install phpmyadmin และกด Enter หลังจากนั้นจะมีข้อความขึ้นมาว่า Do you want to continue? [Y/n] ให้พิมพ์ y ลงไปแล้วกด enter แล้วจะแสดงหน้าจอดังภาพ

    เมื่อมาถึงหน้านี้แล้วให้ดูที่แถบสีแดงหน้า apache2 และให้กด space bar 1 ครั้ง ถ้าหากกดแล้วจะแสดงดังภาพ (แถบสีแดงจะมี * ข้างใน)

    หลังจากที่แถบสีแดงมี * อยู่ข้างในแล้ว ให้กด Ok เพื่อไปต่อ และจะแสดงหน้าจอดังภาพ
    เมื่อหน้าจอแสดงดังภาพให้กด Yes เพื่อกำหนด Password  



    หลังจากใส่รหัสผ่านเสร็จแล้วให้ทดสอบว่า phpmyadmin สามารถใช้งานได้จริงโดยเข้าไปที่ localhost/phpmyadmin หากการติดตั้ง phpmyadmin สำเร็จจะแสดงหน้าจอดังภาพ
  21. หลังจากทดสอบแล้ว ให้ไป download ไฟล์ laravel4 มาเพื่อติงตั้ง (สามารถ download ได้ตามลิ้งค์ https://laravel.com/docs/4.2) เมื่อเข้าถึงหน้า download แล้วให้เลื่อนลงมาที่หัวข้อ Via Download แล้วกดที่ 4.2 version ดังรูป
  22.  เมื่อได้ไฟล์ laravel-4.2.11.zip มาแล้วให้ย้ายไฟล์ไปที่ var/www โดยใช้ Terminal ในการย้าย ก่อนที่จะพิมพ์คำสั่งลงไป ให้ไปดูที่อยู่ของไฟล์นั้นก่อน โดยสามารถดูได้จาก Properties ของไฟล์laravel และเมื่อรู้ที่อยู่ของไฟล์laravel-4.2.11.zip แล้วให้พิมพ์คำสั่ง cd /location ลงไป ตัวอย่างเช่น cd /home/be/downloads (ไฟล์ของผู้เขียนอยู่ใน downloads) และกด Enter เมื่อกด Enter แล้วให้พิมพ์คำสั่ง sudo mv ชื่อไฟล์ที่จะย้าย /location ที่อยู่ใหม่ของไฟล์ เช่น sudo mv laravel-4.2.11.zip /var/www แล้วกด Enter ดังภาพ




  23. หลังจากกด Enter เพื่อย้ายไฟล์ laravel-4.2.11.zip แล้ว ให้ตรวจดูที่ location เก่าของไฟล์laravel-4.2.11.zip ว่าถูกย้ายจริงหรือไม่ ดังรูป
  24. เมื่อไฟล์ laravel ถูกย้ายไปยัง location ที่ต้องการแล้ว (ในที่นี้คือ var/www) ให้ทำการ unzip ไฟล์ โดยใช้คำสั่งดังนี้ 1. cd .. กด Enter 2. cd /var/www กด Enter 3.sudo unzip ชื่อไฟล์.zip เช่น sudo unzip laravel-4.2.11.zip และกด Enter เมื่อทำการกด Enter แล้ว หากไฟล์ยังไม่ใช่ชื่อ laravel ให้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น laravel ก่อน โดยใช้คำสั่ง sudo mv ชื่อไฟล์เก่า/ laravel/  กด Enterเช่น sudo mv laravel-4.2.11 laravel/ 



  25. หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนที่ 24 แล้ว ให้ทำการพิมพ์คำสั่ง cd laravel/ ลงไปและกด Enter
  26. พิมพ์คำสั่ง sudo composer install 
  27. หลังจากติดตั้ง composer เสร็จแล้ว หากมี error ขึ้นมาดังภาพ ให้พิมพ์คำสั่ง sudo apt-get install php-mcrypt และกด Enter พิมพ์ sudo php5enmod mcrypt กด Enter
    และทำการ sudo composer install อีกครั้ง  
  28. หาก sudo composer install เสร็จสิ้นจะแสดงหน้าจอดังภาพ  
  29. พิมพ์ cd /etc
  30. พิมพ์ cd apache2/
  31. พิมพ์ cd sites-available
  32. พิมพ์ sudo nano 000-default.conf เมื่อกด Enter จะแสดงหน้าจอดังภาพ

    ให้ดูตรง DocumentRoot /var/www/html เมื่อเจอทำการลบ DocumentRoot /var/www/html ออก และพิมพ์  DocumentRoot /var/www/laravel/public <Directory /var/www/laravel/public> Options Indexes FollowSymLinks MultiViews AllowOverride All Order allow,deny allow from all </Directory> ลงไปแทนที่ ดังภาพ


    เมื่อพิมพ์เสร็จ กด save โดยใช้ Ctrl+x เมื่อกดแล้วจะแสดงหน้าจอดังภาพ
     ให้พิมพ์ y และกด Enter

  33. พิมพ์ cd ..
  34. พิมพ์ sudo nano apache2.conf กด Enter จะแสดงหน้าจอดังภาพ 

    หาคำว่า Allow Override None เมื่อพบให้ทำการเปลี่ยนจาก None เป็น All ทั้งหมด *ยกเว้นตรงตำแหน่ง <Directory /srv/> ไม่ต้องเปลี่ยน ดังรูป 



    เมื่อทำการเปลี่ยนครบแล้ว ให้เลื่อนมาบรรทัดท้ายสุดของหน้า แล้วทำการพิมพ์ SeverName 127.0.0.1 ลงไป ดังภาพ
    หลังจากนั้น กด save โดยใช้ Ctrl+x  พิมพ์ y และกด Enter จะได้ผลลัพธ์ดังภาพ

  35.  ทำการทดสอบว่าสามารถลง laravel4 ได้จริงหรือไม่ โดยพิมพ์ localhost ที่ url ของ browser หากลงสำเร็จจะได้ผลลัพธ์ดังภาพ
    *หากทำถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้วยังไม่ได้ผลลัพธ์ดังภาพด้านบน ให้ทำการพิมพ์คำสั่ง sudo php5enmod mcrypt กด Enter แล้วพิมพ์ sudo service apache2 restart อีกครั้ง
    ============== Good Bye and Enjoy Full :) ===============














No comments:

Post a Comment